รบกวนสอบถาม เรื่องที่ว่า เมื่อปีใดที่กิจการมีรายได้เกิน 30 ล้านบาท ก็จะถือเป็นทั่วไป แต่เมื่อปีใดรายได้ลดลงต่ำกว่า 30 ล้านบาท บริษัทฯ จะกลับไปเป็น SMEs ใช่หรือไม่คะ
1. ก่อนรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. 2555 สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย หากรอบระยะเวลาบัญชีปีใด ซึ่งมีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาท (ที่เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs) ก็จะได้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลลงเหลือ 15% ของกำไรสุทธิในส่วนที่เกิน 150,000 บาทแต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท และสำหรับกำไรสุทธิในส่วนที่เกิน 1 ล้านบาท ให้เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามอัตราปกติทั่วไป
ทั้งนี้ หากรอบระยะเวลาบัญชีปีใด ไม่มีคุณสมบัติเป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งมีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี เกินกว่า 5 ล้านบาท และ/หรือมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีเกินกว่า 30 ล้านบาท ก็จะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามอัตราปกติที่ไม่มีการยกเว้น และลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยสลับไปมาได้ กล่าวคือ ในปีใดที่กิจการมีรายได้จากการขายสินค้าและหรือการให้บริการรวมกันเกินกว่า 30 ล้าน ก็ให้เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามอัตราปกติ ครั้นในปีใดมีรายได้จากการขายสินค้าหรือการให้บริการไม่เกิน 30 ล้านบาท และมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท ปีนั้นๆ จะได้สิทธิลดอัตราและยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
2. นับแต่รอบระยะเวลาบัญชีปีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. 2555 เป็นต้นมา ได้มีการตรามาตรา 8 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 530) พ.ศ. 2554 กำหนดว่า บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติ บุคคลที่จะได้รับสิทธิในการลดอัตราภาษีเงินได้ตามมาตรา 6 และการยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 7 ต้องไม่มีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีใดเกิน 5 ล้านบาท และต้องไม่มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีใดเกิน 30 ล้านบาท
ดังนั้น เมื่อบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ไม่มีคุณลักษณะเป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ก็ย่อมจักไม่หวนคืนกลับมาได้สิทธิประโยขน์ ตามมาตรา 6 และมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 530) พ.ศ. 2554 ตลอดไป